บทที่ 10 แค่บังเอิญหรือโชคชะตา (75%)
“จะว่าไปฉันก็งงกับแกเหมือนกันนะ กินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทั้งของคาวของหวาน ขนม นม เนย ชานมไข่มุก แต่ทำไมแกไม่อ้วนยะ หรือว่าไอ้ที่กินๆ ไปน่ะ แกเอาไปสะสมไว้ที่นมบึ้มๆ กับสะโพกดินระเบิดของแกหมด”
“ไม่อ้วนอะไรล่ะ บี๋ทั้งเตี้ยทั้งตัน น้ำหนักขึ้น จนจะได้ลดความอ้วนอยู่แล้วเนี่ย”
“ว้าย! ฉันขอสั่งห้ามหล่อน ว่าห้ามลดความอ้วนเด็ดขาดเลยนะ หุ่นแบบนี้แหละที่ผู้ชายคลั่งนักคลั่งหนา มองทีน้ำลายแทบหก อกเป็นอก เอวเป็นเอว เนื้อนุ่มนิ่มจับตรงไหนก็น่าฟัดไปหมด แถมยังก้นเด้งงอนสวย ถ้ามีผัวล่ะแกเอ๊ย ไม่ได้ออกจากห้องนอน และไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่นังหนู”
คำวิจารณ์ห่ามๆ ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองอ้วนมาตลอดหน้าร้อนฉ่า
“พี่จ๋าก็พูดเกินไป”
“ไม่เกินไปเลยสักนิด ไม่เชื่อแกลองหาผัวดูดิ พนันกันเลยว่าเขาจะหลงแกหัวปักหัวปำ และที่สำคัญเขาจะยกซดแกไม่ต่ำกว่าวันละสามครั้งหลังอาหาร วุ้ย! พูดแล้วฉันล่ะอิจฉา อยากเกิดเป็นชะนีมีมดลูกบ้างจัง”
“เอ่อ…บี๋ว่าเราคุยเรื่องงานกันดีไหมคะ”
เจ้าของพวงแก้มแดงก่ำชวนเบี่ยงประเด็น เพราะยิ่งฟังอีกฝ่ายพูดมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งนึกกระดายอายเป็นทบทวี จนอยากจะลดน้ำหนักให้ได้วันนี้พรุ่งนี้ แต่ติดตรงที่ขี้เกียจ และรักการกินนี่แหละ
“เออ เกือบลืมบอกไปแน่ะ ฉันจะไม่อยู่เกือบสองเดือน เลยมอบหมายงานในส่วนของแกไปให้บก. มะเดี่ยว ดูแลแทน ยังไงก่อนกลับก็แวะไปหาเขาสักหน่อยแล้วกัน เห็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย”
น้ำคำบอกเล่าทำให้คนฟังตาโต
“พี่มะเดี่ยวกลับมาทำงานแล้วเหรอคะ!”
“เน้! ให้มันน้อยๆ หน่อยย่ะแม่คุณ”
“แหม…ก็คนมันปลื้มนี่นา”
“นี่นังชะนีน้อยหอยสังข์ ช่วยเก็บอาการหน่อยย่ะ ลืมไปแล้วหรือไงว่า บก.มะเดี่ยว ก็ไม่กินชะนีเหมือนกันกับฉัน”
ท่าทางตาโต อ้าปากค้าง ดีใจจนออกนอกหน้าชวนหมั่นไส้ ทำให้จักรกฤษณ์ค้อนปะหลับปะเหลือก ดีดหน้าผากนูนเข้าให้ คนถูกกระทำแสร้งสูดปากเสียงดัง ลูบหน้าผากป้อยๆ ขณะส่งสายตาตัดพ้อไปให้ผู้ที่นั่งในฝั่งตรงข้าม
“ว่าแต่…พี่จ๋าจะไปไหนคะตั้งเกือบสองเดือนแน่ะ น้องคงคิดถึงแย่”
ยายตัวอวบยังไม่วายเอ่ยอย่างอ้อนๆ ในท้ายประโยค
“ไปงานแต่งเพื่อนที่ยุโรป จากนั้นก็จะถือโอกาสลาพักร้อนยาวเที่ยวให้หนำใจ”
“แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวพี่จ๋าล่ะคะ บี๋อยากเห็นหน้าคนที่จะมาเป็น ‘เมีย’ พี่จ๋าใจจะขาด”
“ว้าย! ตบปากตัวเองเท่าอายุ”
จักรกฤษณ์ถลึงตาใส่แม่สาวตัวเล็กกระปุ๊กลุก ท่าทางแยกเขี้ยวทำให้สาวน้อยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หลังจากสัพยอกหยอกเย้าอย่างที่ชอบทำเป็นประจำพอหอมปากหอมคอ ทั้งคู่ก็เข้าสู่โหมดจริงจังคุยเรื่องงาน
กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ไม่รู้ไปประจบออดอ้อนอีท่าไหนบูรณิมาถึงได้ค่าขนมจากบก. ที่ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวลากดิน ไม่เคยปรานีต่อลูกน้อง และยากที่จะให้ความสนิทสนมกับนักเขียน สาวน้อยออกมาจากห้องทำงานของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปต่อคิวร้านเบเกอรี่ที่อยู่ตรงโซนอาหารของสำนักพิมพ์ เพราะรีบจึงไม่ได้กินข้าวเช้า แถมตอนมาถึงเธอได้กินเอแคลร์แค่สี่ชิ้นเอง แค่นั้นมันจะไปพอยาไส้อะไร
หลังจากได้ของที่สั่ง แม่สาวช่างกินก็จัดการขนมปังนมสดและชานมไข่มุกไปหนึ่งกรุบ ก่อนจะถือถุงของกินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของบก. มะเดี่ยว ที่อยู่ทางปีกซ้ายของอาคารสำนักพิมพ์ เท้าก้าวเอื่อยๆ ไปข้างหน้า ขณะปากฮัมเพลงอย่างมีความสุข หลังจากร่างกายได้รับการเยียวยาด้วยของหวาน
รอยยิ้มสดใสมีชีวิตชีวา ทำให้มองผิวเผินเหมือนบูรณิมาไม่เคยมีเรื่องทุกข์ร้อนใด เพราะใครๆ ที่พบเห็นเธอก็มักจะเจอแต่รอยยิ้มและความสดใสเสมอ หากแต่จริงๆ แล้วเธอเครียดเรื่องหนี้สินของพ่อจนหัวจะแตก คิดมากเรื่องความฝัน หมกมุ่นจนแทบไม่มีสมาธิกับเนื้อหานิยายที่กำลังเร่งรีไรท์และยังไม่ลงตัว เพียงแต่เธอเลือกที่จะยิ้มเข้าไว้ ต่อให้เป็นทุกข์เธอก็ยังยิ้ม ไม่เผยความทุกข์เศร้าให้คนอื่นได้ล่วงรู้ นอกเสียจากคนที่สนิทสนมกันจริงๆ
“อ้าว! ยายหนูบู้บี้”
เสียงร้องทักทำให้เท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้าชะงัก สาวน้อยเบนสายตาไปมองยังต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นนีราและสามีของอีกฝ่ายก็ยิ้มแห้งๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่นีรา สวัสดีค่า”
สาวน้อยยกมือไหว้รุ่นพี่สาวพร้อมด้วยยิ้มบางๆ จังหวะที่บูรณิมาหันไปทางร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ นีรา เธอก็ถึงกับต้องเผลอกลั้นหายใจ รอยยิ้มพลันเลือนหาย ทำหน้าไม่ถูก แววตาเหมือนตำหนิคู่นั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะครั่นเนื้อครั่นตัว จนจำต้องยกมือขึ้นพนมไหว้อีกฝ่ายอย่างแกนๆ
เห็นหน้าเขาแล้วพลอยทำให้เธอนึกถึงความฝันสุดแสนจะประหลาด หนำซ้ำยังนึกกระดากอย่างห้ามใจไม่ไหว และนั่นก็ทำให้เธอต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากมองคนที่อยู่ๆ ก็โคจรมาเจอกันอีกครั้ง
มีคนเคยบอกว่าพบกันหนึ่งครั้งคือความบังเอิญ
พบกันสองครั้งคือความบังเอิ๊ญบังเอิญ ไม่ก็คงเป็นเพราะโชคชะตา
สาธุๆๆ ขออย่าให้มันเป็นโชคชะตาห่าเหวอะไรเลย
เธอไม่อยากมีโชคชะตาร่วมกับเขานักหรอก
“บู้บี้มาทำอะไรเอ่ย?”
